สิ่งแรกคือความสะดวกสบายในการสั่งของ ทุกอย่างสามารถสั่งมาส่งถึงประตูอพาร์ตเมนต์ได้ แม้แต่ร้านขายของชำใกล้ที่พักก็มีบริการส่งถึงที่ ต่อมาคือบริการ Grab Bike ซึ่งในอเมริกามีแต่รถยนต์ เช่น Uber และ Uber XL แต่ในเมืองไทยสามารถเรียกมอเตอร์ไซค์ผ่าน Grab ได้ ซึ่งสะดวกและราคาถูกกว่ารถยนต์ อีกทั้งยังใช้เวลาน้อยกว่า เนื่องจากการจราจรในกรุงเทพฯ ค่อนข้างติดขัด.
นอกจากนี้ การเที่ยวกลางคืนในเมืองไทยแตกต่างจากในอเมริกา ในอเมริกา การเที่ยวกลางคืนมักเป็นการไปร้านอาหาร ผับ หรือบาร์ แต่ในประเทศไทยมีตลาดกลางคืนที่มีอาหารมากมาย สมูทตี้ ของหวาน และดนตรีสด ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาชอบมาก เพราะทำให้รู้สึกผ่อนคลายและสนุกสุดเหวี่ยง.
อีกสิ่งหนึ่งที่เขาประหลาดใจคือการซื้อผลไม้ ในอเมริกา ตลาดเกษตรจะมีแค่สัปดาห์ละครั้งหรือสองครั้ง และมีแค่ในบางเมืองเท่านั้น แต่ในเมืองไทยสามารถหาซื้อผลไม้ได้ทุกวัน มีคนขายผลไม้แทบจะทุกที่บนถนน.
หนุ่มชาวอเมริกันยังเล่าอีกว่ามีคลิปไวรัลที่มีผู้เข้าชมกว่า 3 ล้านวิว เล่าเรื่องการหาของกินตอนตี 3 ในเมืองไทย แค่ใส่รองเท้าแตะแล้วเดินลงจากคอนโดไปก็จะเจอร้านขนาดใหญ่ที่มีทุกอย่างให้เลือก และอิ่มอร่อยเพียง 70 บาท ชาวต่างชาติหลายคนเข้ามาแสดงความคิดเห็น โดยบางคนถามถึงความปลอดภัยในการเดินออกมาตอนตี 3 ซึ่งมีคนตอบว่าปลอดภัยแน่นอน โดยเฉพาะการเดินไปเซเว่นอีเลฟเว่นตอนกลางคืน ในเมืองไทยสามารถลงมาซื้อของกินเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่เหมือนในอเมริกาที่ออกมาตอนตี 3 แล้วไม่ปลอดภัย
ประสบการณ์เหล่านี้ทำให้หนุ่มชาวอเมริกันประทับใจและรู้สึกตกใจในความสะดวกสบายและความปลอดภัยในเมืองไทยเป็นอย่างมาก.