ประเทศไทย—วันที่ 24 กรกฎาคม 2024—ประเด็นการแย่งชิงทางวัฒนธรรมระหว่างไทยและกัมพูชาได้กลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้ง เมื่อมีการกล่าวหาว่าเทศกาลแห่เทียนของไทยเป็นการคัดลอกจากประเพณีโบราณของกัมพูชา เรื่องนี้ได้สร้างความโกลาหลและความตึงเครียดระหว่างสองประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างมาก
ข้อกล่าวหานี้มาจากกลุ่มนักวิชาการและนักประวัติศาสตร์ชาวกัมพูชาบางส่วนที่อ้างว่าเทศกาลแห่เทียนของไทยซึ่งเป็นเทศกาลสำคัญทางพุทธศาสนา มีรากฐานมาจากประเพณีที่มีอยู่ในกัมพูชามาก่อน อย่างไรก็ตาม นักประวัติศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญด้านวัฒนธรรมไทยได้โต้แย้งข้อกล่าวหานี้โดยยืนยันว่าเทศกาลแห่เทียนในประเทศไทยมีประวัติศาสตร์ที่ชัดเจนและเป็นอิสระจากประเพณีของกัมพูชา.
เทศกาลแห่เทียนของไทยที่มีการจัดขึ้นโดยเฉพาะในช่วงวันเข้าพรรษามีความเป็นมายาวนานกว่า 200 ปี เทศกาลนี้มีจุดเด่นที่การแกะสลักเทียนพรรษาขนาดใหญ่เป็นรูปร่างต่าง ๆ ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อและศิลปะที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา เทียนพรรษาที่ถูกแกะสลักอย่างสวยงามจะถูกนำมาร่วมขบวนแห่ไปยังวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศไทยเพื่อถวายแด่พระสงฆ์.
“เทศกาลแห่เทียนของไทยมีรากฐานมาจากประเพณีท้องถิ่นและความเชื่อทางพุทธศาสนาที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับประเพณีของกัมพูชา” ดร.สมชาย ศรีวัฒนาผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ไทยกล่าว “การแกะสลักเทียนและการแห่เทียนเป็นวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมายาวนานในชุมชนชาวไทยและมีพัฒนาการของตัวเอง”
ข้อพิพาทเรื่องวัฒนธรรมระหว่างไทยและกัมพูชาไม่ใช่เรื่องใหม่ ทั้งสองประเทศมีประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่คล้ายคลึงกันในหลายด้าน เนื่องจากภูมิภาคนี้เคยมีการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและการค้าในอดีต อย่างไรก็ตาม การกล่าวหาว่ามีการคัดลอกวัฒนธรรมกันโดยตรงสามารถทำให้เกิดความขัดแย้งและความไม่พอใจระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ.
แม้จะมีข้อพิพาทนี้ เทศกาลแห่เทียนของไทยยังคงเป็นเทศกาลที่สร้างความประทับใจและดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาเยี่ยมชมในแต่ละปี ด้วยการจัดงานที่งดงามและเป็นเอกลักษณ์ไทย
ประเทศไทยและกัมพูชายังมีโอกาสที่จะเสริมสร้างความเข้าใจและความร่วมมือระหว่างกันในด้านวัฒนธรรม การแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมที่เปิดกว้างและการสนับสนุนให้เกิดการศึกษาวิจัยประวัติศาสตร์ร่วมกันอาจเป็นแนวทางที่ช่วยลดความขัดแย้งและเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างสองประเทศ.