ในช่วงต้นของคลิป พิธีกรกล่าวหาว่าประเทศไทย พม่า และ สปป. ลาว เคยตกเป็นเมืองขึ้นของอาณาจักรเขมร ข้อมูลดังกล่าวถูกตั้งคำถามและวิพากษ์วิจารณ์จากผู้ชมอย่างหนัก มีผู้แสดงความคิดเห็นว่า รายการโทรทัศน์จากเกาหลีใต้ควรทำการค้นคว้าข้อมูลให้ถูกต้องก่อนที่จะเผยแพร่เนื้อหาเช่นนี้.
คลิปดังกล่าวเริ่มต้นด้วยพิธีกรที่ยืนอยู่ที่อุทยานประวัติศาสตร์อังกอร์วัด ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก เขาอธิบายว่าจุดประสงค์หลักของการมาที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้คือการเยี่ยมชมประเทศกัมพูชา ซึ่งเคยเป็นหนึ่งในอาณาจักรที่ทรงพลังที่สุด พิธีกรกล่าวถึงความสำเร็จทางการเกษตรของกัมพูชา เช่น อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และผลผลิตทางการเกษตรที่เจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว.
พิธีกรยังเล่าถึงตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของกัมพูชา ที่มีประเทศเวียดนามอยู่ทางขวาและประเทศไทยอยู่ทางซ้าย พร้อมอธิบายว่าในช่วงจักรวรรดิของเขมร กัมพูชาเคยเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งที่สุดในภูมิภาค.
จากนั้นพิธีกรได้นำผู้ชมเที่ยวชมอังกอร์วัด ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันดับ 1 ของกัมพูชาและเป็นศาสนสถานที่ใหญ่ที่สุดในโลก พื้นที่ทั้งหมดของอังกอร์วัดมีขนาด 162.5 เฮกเตอร์ พิธีกรอธิบายถึงวิธีการซื้อตั๋วเข้าชม ซึ่งต้องถ่ายรูปและมีรูปแปะอยู่บนตั๋ว.
พิธีกรยังเล่าถึงวิธีการเดินทางในอังกอร์วัด เช่น การนั่งรถตุ๊กๆ หรือมอเตอร์ไซค์ พร้อมบรรยายถึงบรรยากาศและอุณหภูมิที่เย็นสบาย นอกจากนี้เขายังกล่าวถึงการขุดคูน้ำรอบอังกอร์วัด เพื่อป้องกันการบุกรุกโดยศัตรู.
ภายในคลิปยังมีการเล่าถึงประวัติศาสตร์การสร้างอังกอร์วัด ซึ่งเริ่มต้นในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 12 โดยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 การก่อสร้างใช้เวลานานกว่า 30 ปี และใช้หินทรายจำนวนมากเกือบ 5 ล้านตัน รวมถึงแรงงานมากกว่า 30,000 คน และการใช้ช้างกว่า 6,000 ตัว.
คลิปนี้ทำให้ผู้ชมหลายคนตั้งคำถามถึงความถูกต้องของข้อมูลทางประวัติศาสตร์ที่นำเสนอ และเรียกร้องให้รายการโทรทัศน์ทำการตรวจสอบข้อมูลก่อนออกอากาศเพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้.