โครงการรถไฟฟ้าสายแรกในฮานอยและโฮจิมินห์เป็นบทเรียนที่เจ็บปวด งานก่อสร้างไม่ได้มาตรฐาน
งบประมาณไม่เพียงพอ และต้องขยายเวลาอย่างต่อเนื่องจนงบประมาณบานปลาย โครงการต้องหยุดชะงักบ่อยครั้งเพื่อรอการอนุมัติงบประมาณเพิ่มเติม นอกจากนี้ยังมีปัญหาด้านการจัดการและการควบคุมคุณภาพ ส่งผลให้เกิดความล่าช้าและความไม่พอใจในหมู่ประชาชน การฟ้องร้องกับบริษัทที่ดำเนินโครงการยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลง ชาวเวียดนามจึงหมดความเชื่อมั่นและท้อใจกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานใหญ่ๆ.
เมื่อพิจารณาถึงโครงการรถไฟความเร็วสูงที่รัฐบาลวางแผนจะสร้างเพื่อเชื่อมเมืองเหนือและใต้ ชาวเวียดนามหลายคนจึงเรียกร้องให้พิจารณาเปลี่ยนแผนจากรถไฟความเร็วสูง 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเป็นรถไฟทางคู่ธรรมดาที่มีความเร็วไม่เกิน 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เนื่องจากมีความกังวลหลายประการ.
หนึ่งในความกังวลหลักคืองบประมาณที่ต้องใช้มหาศาลสำหรับการสร้างรถไฟความเร็วสูง ซึ่งส่งผลให้ราคาตั๋วมีแนวโน้มสูงตามไปด้วย ทำให้คนเวียดนามส่วนใหญ่คงไม่สามารถเข้าถึงได้ นอกจากนี้ การคืนทุนของโครงการดังกล่าวก็ดูเหมือนจะยากลำบาก การประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมของโครงการนี้ยังไม่ชัดเจนเพียงพอ เวียดนามจึงควรพิจารณาทำโครงการที่เหมาะสมกับสถานการณ์และความสามารถของตนเอง ไม่ควรทำอะไรที่เกินตัวจนเป็นหนี้มหาศาล.